ประวัติวัดทุ่งเศรษฐี จ.ขอนแก่น”
วัดทุ่งเศรษฐี ตั้งอยู่ที่ ตำบลพระลับ อำเภอเมืองขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น บนเนื้อที่ 73.2 ไร่ เริ่มก่อสร้างเมื่อ พ.ศ. 2542 ริเริ่มก่อสร้างโดย “หลวงตาอ๋อย” (สวาสดิ์ ศีลอุดมทรัพย์) หรือรู้จักกันในนาม หลวงตาอ๋อย ย่ามแดง
ความเป็นมาของวัดทุ่งเศรษฐี เริ่มเมื่อหลวงตาท่านเที่ยวไปมาในจังหวัดต่างๆ ทางภาคอีสานอยู่หลายปี ช่วยเหลือพ่อแม่ครูบาอาจารย์ในสายพระกรรมฐานของพระอาจารย์ใหญ่หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต เป็นส่วนใหญ่ ท่านได้ช่วยทำนุบำรุงพระศาสนาทั้งทางตรง และทางอ้อม ใช้ทั้งอิทธิฤทธิ์ และบุญฤทธิ์ ชักจูงให้ชาวบ้านเกิดศรัทธา เข้าวัดทำบุญประปฏิบัติธรรมได้เป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ดี การสงเคราะห์ผู้คนของท่านเป็นเช่นนี้อยู่ระยะหนึ่ง ท่านจึงพิจารณาแล้ว เห็นว่าได้โปรดผู้คนในถิ่นต่างๆ เป็นเวลาพอสมควรแล้ว ถึงเวลากลับมาโปรดลูกหลานในภูมิลำเนาของท่านเองที่จังหวัดขอนแก่นเสียที
ครั้นกลับมายังขอนแก่นได้ไม่นาน หลวงตาระลึกได้ว่ามีที่ดินเก่าเก็บอยู่ผืนหนึ่ง เนื้อที่ราว 5 ไร่ จึงไปสำรวจดู จากการสำรวจในครั้งนั้น ท่านเกิดรู้ด้วยญาณวิถีขึ้นว่าเป็นผืนดินศักดิ์สิทธิ์ด้วยว่าเป็น “ผืนดินสามโลกธาตุ” ท่านจึงร่วมกับลูกศิษย์ซื้อที่ดินเพิ่มเติม เพื่อสร้างเป็นวัด โดยตรงจุดสำคัญสามโลกธาตุนั้น ท่านกำหนดให้สร้างพระมหาเจดีย์ครอบไว้ แต่เป็นที่รู้จักกันในหมู่ลูกหลานใกล้ชิดว่า หลวงตาไม่ได้เพียงแต่จะสร้างพระมหาเจดีย์แห่งนี้ ได้ค้ำจุนไปถึงประเทศชาติ และพระราชวงศ์จัศิลาฤกษ์\n กรี ดังที่ท่านมักกล่าวอยู่เนืองๆ ว่า “สร้างถวายในหลวง”
ชื่อวัดทุ่งเศรษฐีนี้ หลวงตาท่านว่า “เพราะจะมีเศรษฐีที่มาทำบุญกับเรา มีทั้งเศรษฐีน้อย เศรษฐีใหญ่ และว่าที่เศรษฐีน้อยทั้งนั้น แม้วันนี้บางคนยังไม่ได้เป็น วันหน้าก็ต้องได้เป็นอยู่ดี”
พระประธาน คือ พระนีลวรรโณศีโลทรัพยอุดม (หลวงปู่เจ้าพริงค์ดำ)
หรือที่เรียกเป็นสามัญว่า “หลวงปู่ดำ”
หลวงปู่ดำ เป็นพระพุทธรูปสำริดทรงเครื่องจักรพรรดิหน้าตักกว้าง 145 นิ้ว หรือ 3.63 เมตร องค์พระเป็นสีดำ (นิลวรรณ) เครื่องทรงปิดทองประดับด้วยอัญมณีต่าง
พระประธานมีลวดลายดุนเงิน เป็นรูปสมบัติแห่งมหาจักรพรรดิทั้ง 7 หรือเรียกว่าแก้ว 7 ประการ คือ จักรแก้ว นางแก้ว ขุนพลแก้ว ขุนคลังแก้ว ช้างแก้ว ม้าแก้ว และศถุงคารแก้ว เป็นเรื่องราวที่สอดคล้องกับลักษณะของ พระประธานที่เป็นพระพุทธรูปทรงเครื่อง จักรพรรดิ
ห้องปริศนาธรรม วงศ์ไวศยวรรณ เป็นห้องแสดงภาพปริศนามธรรม เกี่ยวกับวงจรชีวิต คือ เกิด แก่ เจ็บ ตาย
ประวัติแท่นศิลาฤกษ์
ในราว ปี พ.ศ. 2542 หลวงตาย่ามแดง (สวาสดิ์ ศีลอุดมทรัพย์) ได้ริเริ่มสร้างวัดทุ่งเศรษฐีแห่งนี้ขึ้น โดยเห็นด้วยญาณวิถีว่า พื้นที่วัดเป็นพื้นแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์ กล่าวคือ เป็นที่ซึ่งภพทั้งสาม คือ โลก, สวรรค์, บาดาล มาสมาสบรรจบพบกัน เป็นช่องทางเทพยดาเบื้องบน และชาวบาดาลเบื้องล่าง สัญจรขึ้นลงสังสรรกัน โดยมีโลกเป็นศูนย์กลาง
ครั้นเมื่อถึงกาละอันสมควร ท่านจึงให้สร้างพระมหาเจดีย์ขึ้นในวันที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2548 พระมหาเจดีย์ก่อสร้างอยู่ราว 7 ปี ก็สำเร็จลง มีการเฉลิมนามพระเจดีย์ว่า “มหารัตนเจดีย์ศรีไตรโลกธาตุ” พร้อมทั้งจัดพิธีสมโภชขึ้นเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2555
ตำแหน่งศิลาฤกษ์ จัดทำเป็นแท่นศิลาขึ้นครอบ มีจารึกการสถาปนาเจดีย์เป็น 4 ภาษา คือ ไทย จีน อังกฤษ และมคธี หรือบาลี (อักษรเทวนาครี)
ล้อมรอบแท่นศิลาฤกษ์ ปั้นเป็นมังกรสามตัวผู้พิทักษ์ศิลาฤกษ์ และโลกบาดาลแห่งนี้ มังกรทั้งสามเป็นมังกรดุร้ายทว่าซื่อสัตย์ และมุ่งมั่นในหน้าที่ของตนเองอย่างยิ่ง ต่างก็มีชื่อ และอุปนิสัยเฉพาะตน ดังนี้
1.มังกรโมหิณี มีนิสัยดักดาน มักลุ่มหลงมัวเมาในเรื่องต่างๆ เป็นเจ้าของหีบสมบัติชื่อ “หีบโมหะ” ทั้งยังครอบครองกุญแจ “หีบแห่งปัญญา”
2.มังกรโลภิณ มีนิสัยทะเยอทะยาน อยากมักมาก เป็นนักสะสม เป็นเจ้าของหีบสมบัติชื่อ “หีบโลภะ”
3.มังกรโทสัน มีนิสัยดุร้าย ขี้หงุดหงิด ฉุนเฉียว ชอบทำลาย เป็นเจ้าของหีบสมบัติชื่อ “หีบโทสะ
อย่าลืมไปเที่ยวชมความสวยงามของวัดวาอารามกันนะคะ